กลยุทธ์การเทรด CadenceFX ล่า Cash Flow รายเดือน ด้วยเทคนิคมาติงเกลขั้นสูง [แจก EA ฟรี]
- Writer
- 6 พ.ค.
- ยาว 3 นาที
อัปเดตเมื่อ 7 พ.ค.
มาติงเกล (Martingale) ถือเป็นหนึ่งในเทคนิคที่มีการพูดถึงอย่างกว้างขวางในวงการการเทรด แม้ว่านักเทรดหลายคนจะมีความกังวลเกี่ยวกับการใช้มาติงเกลเนื่องจากข้อเสียที่เห็นชัดเจน อย่างเช่น ความเสี่ยงต่อการขาดทุนครั้งใหญ่ที่อาจเกิดขึ้น แต่ในทางกลับกัน กลยุทธ์นี้ยังมีข้อดีที่ไม่ควรมองข้าม มาติงเกลมุ่งเน้นที่การเพิ่มขนาดการลงทุนหลังจากการขาดทุน เพื่อสร้างโอกาสในการกลับมาชนะได้อย่างรวดเร็ว จึงทำให้กลยุทธ์นี้เมื่อใช้ในเวลาที่เหมาะสม สามารถสร้างกำไรในระยะยาวได้หากมีการจัดการความเสี่ยงอย่างรอบคอบ ในบทความนี้เราจะมาแสดงให้เห็นถึงวิธีการใช้กลยุทธ์มาติงเกลอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
หลักการทำงานของมาติงเกล (Martingale) มีดังนี้:
1. เริ่มต้นด้วยการวางเดิมพัน: ตั้งจำนวนเงินลงทุนเริ่มต้นในรอบแรก (เช่น 10 USD หรือ 0.01 lot)
2. หากขาดทุน: เมื่อการเทรดในรอบใดรอบหนึ่งเกิดการขาดทุน เราจะเพิ่มจำนวนเงินลงทุนในรอบถัดไปเป็นสองเท่า (เช่น 0.02 lot ในรอบที่สอง, 0.04 lot ในรอบที่สาม)
3. กลับมาชนะ: เมื่อชนะการเดิมพันในรอบถัดไป เงินที่ได้จะครอบคลุมการขาดทุนทั้งหมดในรอบก่อนหน้า และให้ผลกำไรตามจำนวนที่กำหนดหรืออาจจะปิดออเดอร์ทั้งหมดทันทีเมื่อมูลค่าเงินในพอร์ตกลับมาเท่าทุน
4. ทำซ้ำ: ทำเช่นนี้ต่อไป โดยหากขาดทุนก็เพิ่มจำนวนเงินลงทุน จนกว่าจะกลับมาชนะอีกครั้ง
สาเหตุที่ทำให้นักเทรดที่ใช้เทคนิคมาติงเกลต้องขาดทุน
1. การขาดทุนต่อเนื่อง
เสี่ยงกับการขาดทุนติดกันหลายรอบ หากเบิ้ลล็อตซ้ำๆในจุดที่กราฟยังไม่มีสัญญาณการกลับตัวจริงๆ
2. เงินทุนไม่เพียงพอ
เทคนิคมาติงเกลจะเพิ่มเดิมพันเป็นสองเท่าเมื่อเข้าผิดทาง หากบริหารเงินทุนไม่ดี หรือมีเงินทุนน้อยแต่เริ่มเทรดด้วย lot ตั้งต้นที่สูงเกินไป อาจนำไปสู่การขาดทุนครั้งใหญ่ได้
3. อารมณ์และจิตใจ
ความเครียดจากการสูญเสียทำให้ตัดสินใจผิดพลาด แต่ในบทความนี้ เราจะใช้ EA ในการเทรดอัตโนมัติ จึงสามารถตัดปัญหาข้อนี้ออกได้
4. ความคาดหวังสูง
เมื่อเห็น EA สามารถกลับมาปิดทำกำไรได้ทุกครั้ง ก็ต้องการเพิ่มความเสี่ยงเพื่อหวังผลตอบแทนมากยิ่งขึ้น เช่น หากปกติได้กำไรเฉลี่ย 3% ต่อเดือน ก็เลือกที่จะเพิ่ม lot size ให้มากขึ้นกว่าเดิมอีก 3 เท่า เพื่อให้ได้กำไรใกล้เคียง 10% ต่อเดือน แต่ไม่ได้คำนึงถึงช่วงเวลาที่ตลาดเงินผันผวนจากปัจจัยต่างๆที่อาจเกิดขึ้นได้ในระบบเศรษฐกิจในอนาคต เมื่อเริ่มเทรดด้วย lot size หรือเงินตั้งต้นสูง หากผิดทางระบบก็จะเพิ่มจำนวนเงินเดิมพันเป็นสองเท่าในรอบถัดๆไป ทำให้เงินทุนที่เหลือมีไม่มากพอที่จะกลับมาชนะหรือลบล้างการขาดทุนของออเดอร์ก่อนหน้าได้
เปรียบเทียบผลตอบแทน
ถึงแม้มาติงเกลจะเป็นเทคนิคที่คนส่วนใหญ่หวาดกลัว แต่กลับเป็นเทคนิคที่สามารถสร้างผลตอบแทนหลักให้นักเทรดมืออาชีพมาแล้วนับไม่ถ้วน
พาทุกคนมาสำรวจพอร์ตการลงทุนทีมงาน discipline2freedom โดยทางเราเริ่มทำ EA เทรดอัตโนมัติตั้งแต่ปี 2022 และพอร์ตที่ยังคงรันมาได้ต่อเนื่องตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงปัจจุบันก็คือพอร์ตที่ใช้เทคนิคการเดินเงินแบบมาติงเกล
เทคนิค Martingale

ระบบเทรด EliteGain เป็นระบบเทรดแบบ reversal เทรดคู่เงิน EURUSD ไทม์เฟรม H1 ใช้เทคนิคบริหารเงินแบบมาติงเกล เริ่มเทรดตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2022 สามารถทำกำไรได้ทุกเดือน โดยมีค่าเฉลี่ยกำไร 2.93% ต่อเดือนตามข้อมูลใน MyFXBook (อัพเดต 1 May 2025)

กลยุทธ์นี้จะเลือกเข้าเทรดในเวลาที่เหมาะสม โดยจะมีออเดอร์เทรดแค่ประมาณ 14 ครั้งต่อเดือนเท่านั้น EliteGain จะปิดทำกำไรทันทีในออเดอร์แรกหากเข้าถูกทาง แต่หากออเดอร์แรกติดลบ EA จะรอจนกว่าจะมีสัญญาณการกลับตัวของกราฟที่แน่ชัดจริงๆจึงจะเข้าเทรดในออเดอร์ถัดไป และเมื่อกราฟกลับตัว EA ก็จะปิดรวบทุกออเดอร์พร้อมเก็บกำไรเข้ามาในพอร์ต

EliteGain จะถูกเซ็ตให้มี stop loss ของพอร์ตไว้ที่ -65% นั่นคือเมื่อ EA ออกออเดอร์เพิ่มเรื่อยๆแต่ยังไม่สามารถแก้พอร์ตให้กลับมามีกำไรได้ เมื่อ equity ของพอร์ตถูกลากไปถึง -65% EA จะคัทลอสให้อัตโนมัติ ซึ่งจะแตกต่างจากระบบเทรดมาติงเกลทั่วๆไปในตลาดที่มักจะกำหนดให้ไม่มี stop loss ทำให้ผู้ใช้งานส่วนใหญ่ขาดทุนแบบล้างพอร์ต ซึ่งด้วยการคำนึงถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับเงินทุนของนักเทรด ทางทีมงานเราจะสร้างระบบเทรดโดยจะมี SL ให้ผู้ใช้งานในทุกๆ EA ที่เราจำหน่าย ผู้ใช้สามารถปรับค่า %stop loss ได้ตามต้องการ ซึ่งหากเรามีเทคนิคการเทรดและระบบการจัดการเงินที่ดี ก็สามารถสร้างกำไรในระยะยาวได้ อย่างเช่นระบบเทรด EliteGain ที่สามารถทำกำไรได้ต่อเนื่องตลอด 3 ปี ให้ผลตอบแทนแล้วมากกว่า +156% และมีแนวโน้มจะสร้าง cash flow รายเดือน หรือ passive income ให้กับผู้ใช้ได้ต่อเนื่องในอนาคตหากรูปแบบพฤติกรรมราคากราฟ EUR/USD ยังใกล้เคียงกับอดีตที่ผ่านมา โดยทางเราจะมีการอัพเดตเวอร์ชั่นใหม่ทุกปี เพื่อให้ EA ปรับรูปแบบการเทรดให้เข้ากับพฤติกรรมราคาในปัจจุบันให้ได้มากที่สุด ศึกษาข้อมูล EliteGain เพิ่มเติม
เทคนิค Trend Follow

ApexForex เทรดคู่เงิน USDJPY โดยจะเข้าเทรดแค่ครั้งละ 1 ออเดอร์ ใช้ความเสี่ยงแต่ละครั้งแบบ %Risk


จากกราฟแสดง %กำไรรายเดือน จะเห็นว่าช่วงการเทรดเริ่มแรก ระบบนี้สามารถทำกำไรได้ค่อนข้างดี ในบางเดือนให้ผลตอบแทนสูงถึง 48% แต่เมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่ง รูปแบบการเทรดแบบเดิมเริ่มใช้กับตลาดที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาไม่ได้ จากกราฟจะเห็นว่า EA เริ่มไม่สามารถทำกำไรได้ตั้งแต่เดือน สิงหาคม 2022 และเริ่มขาดทุนต่อเนื่องในปี 2023 ทางทีมงานจึงตัดสินใจยุติการใช้งานระบบเทรดนี้
ข้อดีของระบบเดินเงินแบบมาติงเกลคือ มีโอกาสให้เราผิดได้เสมอ เพราะตลาดเปลี่ยนตลอดเวลา แต่หากเราเข้าออเดอร์แล้วผิดทาง เราก็ยังสามารถใช้เทคนิคเดินเงินเพื่อแก้เกมให้กลับมาชนะได้
ในขณะที่เทคนิคเทรดแบบปกติทั่วไป ไม่มีโอกาสให้แก้ตัว ถ้าผิดทางก็ต้องยอม cut loss แล้วรอเข้าออเดอร์ใหม่ นักเทรดหลายคนที่เคยซื้อ คอร์สสอนเทรด forex มักเคยเจอประสบการณ์ไม่น่าพอใจ นั่นคือเมื่อเราเอาเทคนิคที่โค้ชสอนเทรดมาใช้จริง กลับไม่ได้กำไรตามที่โฆษณาเอาไว้ นั่นเพราะตลาด forex เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เทคนิคที่เคยใช้ได้ดีในช่วงเวลานึง อาจจะใช้ไม่ได้แล้วในปัจจุบัน และข้อเสียของการเทรดมือหรือการสมัครเรียนคอร์สสอนเทรดมือก็คือ เราไม่สามารถ backtest ระบบเทรดได้อย่างถูกต้องและรวดเร็วเหมือนการแบคเทสต์ EA อีกทั้งโค้ชที่สอนเทรดก็มักไม่มี MyFXBook แสดงผลลัพธ์ประวัติเทรดจริงให้ดู บางคอร์สค่าเรียน 30,000-50,000 บาท นอกจากจะเสียทั้งเวลาเรียน/เวลาเทรดแล้ว ยังเสียเงินค่าคอร์สและขาดทุนเมื่อเริ่มเทรดจริงอีกจำนวนมาก หลายครั้งเราอาจคิดว่าที่เทรดเสียเพราะมาจากอารมณ์การเทรด แต่เมื่อลองเอาเทคนิคต่างๆมาเขียน EA แล้วแบ็คเทสต์ด้วยข้อมูลจริงแบบ ticks data ก็ทำให้เรารู้แน่ชัดว่าการขาดทุนจริงๆแล้วนั้นมาจากระบบเทรดที่ไม่สามารถเอาชนะตลาดในปัจจุบันได้แล้วนั่นเอง
เทคนิค Trend Follow

AssetBoost เป็นระบบเทรดตามเทรนด์ โดยจะเทรดดัชนี US30 ใช้ %Risk per trade เข้าทีละออเดอร์ ไม่มีการเบิ้ลล็อตเมื่อผิดทาง เป็นระบบเทรดที่ค่อนข้างปลอดภัย มีจุด stop loss ชัดเจน

โดยในช่วงแรกสามารถทำกำไรติดต่อกัน 6 เดือน มูลค่าพอร์ตขึ้นไปสูงสุด +184% แล้วหลังจากนั้นตั้งแต่เดือนที่ 7 ของการเทรด หรือตุลาคม 2022 ก็เริ่มขาดทุน และผลขาดทุนก็ชัดเจนขึ้นในปี 2023

เทคนิค Trend Follow

AlphaTrade เป็นระบบเทรดตามเทรนด์ โดยจะนำ EA หลายตัวมาเทรดในพอร์ตเดียวกัน ซึ่งจะมีทั้ง EA เทรด EUR/USD, CAD/JPY, GBP/JPY, GBP/USD, USD/JPY, XAU/USD, NXD100 และ US30
เริ่มต้นเทรดด้วยทุน 11,000 USD ในช่วงเดือนแรกๆของการเทรด EA สามารถทำกำไรได้ต่อเนื่องจน equity สูงสุดของพอร์ตไปแตะที่ +493% หรือมูลค่าพอร์ตสูงสุด 55,019 USD (ทุน 11,000 USD กำไร 44,000 USD หรือกำไรประมาณ 44,000*34 = 1.5 ล้านบาท)

แต่ไม่นานเทคนิคที่เคยทำกำไรได้เดือนละ 50-100% ก็เริ่มแพ้ตลาด ความร้อนแรงของตลาดเงิน/ตลาดทุนเริ่มลดลง กราฟเริ่มออกทาง sidway ถึงแม้ EA แต่ละตัวจะมีเทคนิคเทรดต่างกัน ก็ไม่สามารถบาลานซ์พอร์ตให้มีกำไรอย่างต่อเนื่องได้ ช่วงต้นปี 2023 พอร์ตติดลบต่อเนื่องหลายเดือน และทีมงานก็ได้ตัดสินใจยุติการใช้งานเทคนิคเทรดนี้ในช่วงปลายปี 2023 โดยพอร์ตนี้เหลือกำไรสุทธิแค่เพียง 14,273 USD(+129%) เท่านั้น

เทคนิคเทรดแบบ %risk per trade มีข้อดีคือพอร์ตเราจะไม่ขาดทุนทีละมากๆ เช่น หากเรากำหนด risk ไว้ที่ 3% เมื่อขาดทุนก็จะขาดทุนไม่เกินครั้งละ 3% เท่านั้น แต่หากการขาดทุนดำเนินต่อไปเรื่อยๆ โอกาสที่พอร์ตจะกลับมาเท่าทุนหรือทำกำไรได้อีกครั้งก็ค่อนข้างยาก ระบบเทรดรูปแบบนี้ทางทีมงานของเราจะใช้ในการเทรด กองทุน(Prop Firm) เพราะสามารถทำกำไรได้ค่อนข้างมากจาก RR ที่สูง แต่อาจจะไม่สามารถเอาชนะตลาดด้วยเทคนิคเดิมได้เป็นเวลานาน เพราะฉะนั้นหากเทรดพอร์ตกองทุนที่ได้เงินทุนค่อนข้างสูง เมื่อชนะครั้งนึงก็ได้ผลตอบแทนกลับมาเป็นจำนวนมาก แต่สำหรับพอร์ตเทรดที่ใช้เงินทุนของตัวเองแล้ว การเทรดแบบ %risk per trade ก็ยังคงจำเป็นเช่นกัน แต่จะไม่ใช่การคาดหวังกำไรหรือ cash flow รายเดือนเหมือนเทคนิคมาติงเกล แต่มีไว้เพื่อบาลานซ์ความเสี่ยงในฟาร์ม EA
หลักสำคัญของเทคนิคมาติงเกล คือการจัดการความเสี่ยง การบริหารเงินทุน และการเลือกจุดเข้าเทรดที่แม่นยำ ในบทความนี้ทางเราจึงขอนำเสนอ EA มาติงเกลที่นอกจากจะมีระบบเทรดที่ออกแบบมาอย่างดีแล้ว ยังแจกให้นักเทรดที่สนใจได้ลองนำไปใช้งานและศึกษาเทคนิคเทรดกันได้แบบฟรีๆ อีกด้วย
กลยุทธ์การเทรด CadenceFX
เทคนิคการเข้าเทรดของ EA CadenceFX จะใช้ Bollinger Bands เป็นสัญญาณหลัก และใช้ Stochastics Oscillator เป็นสัญญาณรอง การเทรดจะเป็นแบบ Trend Reversal และจะเทรดในคู่เงิน USD/CAD เท่านั้น

โดยเมื่อราคาปิดของกราฟแท่งเทียนอยู่ต่ำกว่า Bollinger Bands Lower และ Stochastics อยู่ในโซน Oversold จะเป็นสัญญาณการเข้า Posiotion ฝั่ง Buy ในทางตรงกันข้าม หากราคาปิดของแท่งเทียนอยู่เหนือ Bollinger Bands Upper และ Stochastics อยู่ในโซน Overbought จะเป็นสัญญาณการเข้า Posiotion ฝั่ง Sell

สำหรับการปิดออเดอร์ กรณีเข้าออเดอร์แรกแล้วถูกทาง EA จะปิดทำกำไรที่ TP 34 Pips แต่หากออเดอร์แรกขาดทุน EA จะรอสัญญาณเข้าเทรดในออเดอร์ถัดไปด้วยวอลลุ่ม 2 เท่าของออเดอร์แรก หากกราฟกลับตัวก็จะปิดทำกำไรเฉลี่ย 34 pip ต่อออเดอร์ แต่หากทั้งสองออเดอร์ยังขาดทุนก็จะหาจังหวะเทรดเพิ่มไปเรื่อยๆ ตั้งแต่ออเดอร์ที่ 6 เป็นต้นไปจะลดขนาดล็อตเหลือเพียง 1.5 เท่าของออเดอร์ก่อนหน้า และจะออกออเดอร์รวมมากสุดไม่เกิน 8 ออเดอร์ เพื่อป้องกันการ overtrade และปกป้องเงินทุน

CadenceFX จะเทรดในไทม์เฟรม M15 โดยจะมีออเดอร์เทรดเฉลี่ยประมาณ 20 ออเดอร์ต่อเดือน ผู้ใช้สามารถปรับเปลี่ยนการ setting ได้ตามต้องการทั้งระดับความเสี่ยงในการเทรด, TP, Bollinger Bands Period, Stochastics Period, จำนวนเท่าของการเบิ้ลล็อต, จำนวนออเดอร์มากสุดที่อนุญาติให้เทรด, Percent Stop Loss และสามารถกำหนดให้ EA ไม่เข้าเทรดในบางช่วงเวลาได้ เช่น ช่วงวันหยุดปีใหม่ที่ตลาดมีวอลุ่มเทรดน้อย หรือช่วงประกาศข่าวสำคัญทางเศรษฐกิจที่อาจทำให้ค่าเงินมีความผันผวนมากกว่าปกติ เป็นต้น
ผล Backtest จาก EA CadenceFX ปี 2010 - ปัจจุบัน (2025.04)

จากผล backtest ด้วยข้อมูล 100% real ticks จากโปแกรม MT5 ตามภาพด้านบน ทางทีมเซ็ต lot ในการออกออเดอร์เป็น Auto lot โดยจะให้ EA ออกออเดอร์แรกที่ 0.01 lot ต่อเงินทุน 5,000 USD ซึ่ง EA สามารถทำกำไรได้ต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2010 จนถึงปัจจุบัน จากทุน 10,000 USD จะได้กำไร 363,023 USD หรือคิดเป็นกำไร +3,630% ซึ่งหากคิดเฉลี่ยเป็นผลตอบแทนรายเดือน จะได้กำไรเฉลี่ยประมาณเดือนละ 2% เท่านั้น ซึ่งถือว่าไม่มาก เพราะเราใช้ความเสี่ยงไม่สูงนัก แต่เป็น passive income แบบต่อเนื่องและเป็นกำไรแบบทบต้นไปในทุกๆเดือน >> โปรแกรมคำนวณผลตอบแทนทบต้น <<

หรือสามารถตรวจสอบผล backtest CadenceFX EA จาก Strategy Tester MT4 >> ที่นี่ <<
สำหรับการเทรดในบัญชีจริง เนื่องจากเป็นระบบที่ต้องใช้เงินทุนสูง(เพื่อให้มีทุนเพียงพอสำหรับกลยุทธ์มาติงเกล) ทางทีมงานจะแนะนำให้ผู้ใช้เทรดในบัญชี Cent โดย 10,000 US Cent จะเท่ากับ 100 USD เท่านั้น เพื่อนๆจึงสามารถทดลองใช้งาน EA ระบบนี้เพื่อศึกษาเทคนิคเทรดและการบริหารเงินแบบมาติงเกลเต็มรูปแบบด้วยเงินทุนตั้งต้น 100 USD เท่านั้น แนะนำโบรกเกอร์ Vantage สำหรับบัญชี Cent โดยสามารถเปิดบัญชีต่อ IB กับทางเราเพื่อขอรับ EA ฟรีได้ตามขั้นตอน >> ที่นี่ << และติดตามผลการเทรดในบัญชีจริงของเราได้ที่ MyFXBook
โดยหากเพื่อนๆทดลองใช้ EA ไปในระยะเวลาหนึ่งแล้ว EA สามารถทำงานได้ตามที่คาดหวัง ก็สามารถเพิ่มเงินทุนในพอร์ตบัญชีเซนต์เป็น 100,000 US Cent หรือเพิ่มได้ตามความสามารถในการรับความเสี่ยงของแต่ละบุคคล และต้องไม่ลืมว่าผลตอบแทนในอดีต ไม่สามารถการันตีผลตอบแทนในอนาคต ดังนั้น จำนวนเงินที่ใช้ในการลงทุนหรือเทรดในตลาด forex ต้องเป็นเงินทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้เท่านั้น โดยหากต้องการลดวอลลุ่มเทรดใน EA เพื่อลดความเสี่ยงในการขาดทุน ก็สามารถปรับ lot size ในการตั้งค่า EA ของเราได้ โดยในตัวอย่างด้านล่างจะลดความเสี่ยงลงอีกเท่าตัว โดยเลือกตั้งค่า Auto lot เป็น 0.01 lot ต่อเงินทุน 10,000 USD

ถึงแม้ผลตอบแทนจะลดลด แต่ drawdown สูงสุดของ balance ในพอร์ตตลอดช่วง 15 ปีที่ผ่านมา อยู่ที่ -6.44% และช่วงที่พอร์ตถูกลาก ก่อนที่ EA จะออกออเดอร์เพิ่มเพื่อเปลี่ยนการขาดทุนให้เป็นกำไร equity ของพอร์ตติดลบมากสุดแค่เพียง -16.76% ซึ่งในอนาคตหากค่าเงิน USD/CAD ที่เราเทรดนี้ มีความผันผวนมากกว่าอดีตที่ผ่านมา ด้วยการวางเงินเดิมพันในระดับต่ำ ก็จะทำให้เรามีเงินทุนในพอร์ตเหลือมากเพียงพอสำหรับให้ EA ใช้กลยุทธ์การเดินเงินแบบมาติงเกลเพื่อทำให้พอร์ตกลับมาเท่าทุนหรือมีกำไรโดยไม่ต้องติดลบหรือโดนลากไปจนถึงจุด cut loss ได้
คำแนะนำการใช้ EA CadenceFX
Account Type: แนะนำใช้บัญชี Cent
Leverage: ตั้งแต่ 1:100 ขึ้นไป
เงินทุนตั้งต้น: 10,000 US Cent
Comments