5 เทคนิคการใช้อินดิเคเตอร์ RSI อย่างมืออาชีพที่คุณอาจไม่เคยรู้
- Writer
- 15 ส.ค.
- ยาว 1 นาที

Relative Strength Index หรือ RSI เป็นหนึ่งในอินดิเคเตอร์ยอดนิยมที่นักเทรดทั่วโลกใช้เพื่อระบุภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) และขายมากเกินไป (Oversold) ของราคา แต่การใช้ RSI อย่างมีประสิทธิภาพไม่ได้จำกัดอยู่แค่การดูว่าเส้น RSI ขึ้นไปแตะ 70 หรือลงมาแตะ 30 เท่านั้น บทความนี้จะเผย 5 เทคนิคขั้นสูงที่จะช่วยให้คุณใช้งาน RSI ได้เหมือนนักเทรดมืออาชีพ
1. ใช้ RSI เป็นตัวยืนยันแนวโน้ม (Trend Confirmation)
นักเทรดมืออาชีพไม่ได้ใช้ RSI เพียงเพื่อหาจุดกลับตัว แต่ใช้เพื่อยืนยันความแข็งแกร่งของเทรนด์ปัจจุบันด้วย
เทรนด์ขาขึ้น (Uptrend): RSI มักจะเคลื่อนไหวอยู่เหนือระดับ 50 เป็นส่วนใหญ่ เมื่อราคาพักตัวลงมา แต่ RSI ยังคงอยู่เหนือ 50 นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าเทรนด์ขาขึ้นยังคงแข็งแกร่ง และเป็นโอกาสที่ดีในการหาจังหวะเข้าซื้อ
เทรนด์ขาลง (Downtrend): RSI มักจะเคลื่อนไหวอยู่ใต้ระดับ 50 เป็นส่วนใหญ่ การที่ราคาเด้งขึ้นมาเล็กน้อย แต่ RSI ยังคงต่ำกว่า 50 เป็นสัญญาณว่าเทรนด์ขาลงยังคงมีแรงขายที่แข็งแกร่ง
2. มองหา Divergence (สัญญาณขัดแย้ง)
Divergence คือความขัดแย้งระหว่างการเคลื่อนที่ของราคากับ RSI ซึ่งเป็นสัญญาณที่ทรงพลังที่สุดอย่างหนึ่งของ RSI ที่บ่งบอกถึงการอ่อนตัวของเทรนด์และโอกาสในการกลับตัว
Bullish Divergence: เมื่อราคาทำจุดต่ำสุดใหม่ (Lower Low) แต่ RSI กลับทำจุดต่ำสุดที่สูงขึ้น (Higher Low) นี่คือสัญญาณว่าแรงขายเริ่มอ่อนแอลง และอาจมีโอกาสที่ราคาจะกลับตัวเป็นขาขึ้น
Bearish Divergence: เมื่อราคาทำจุดสูงสุดใหม่ (Higher High) แต่ RSI กลับทำจุดสูงสุดที่ต่ำลง (Lower High) นี่เป็นสัญญาณเตือนว่าแรงซื้อเริ่มหมดแรง และราคาอาจจะกลับตัวลง
3. ใช้ RSI กับ Timeframe ที่ใหญ่ขึ้น
การใช้ RSI ใน Timeframe ที่เล็กมาก เช่น M5 หรือ M15 อาจทำให้คุณเจอกับสัญญาณหลอก (False Signals) มากเกินไป นักเทรดมืออาชีพมักจะใช้ RSI ใน Timeframe ที่ใหญ่ขึ้น เช่น H4 หรือ Daily เพื่อกรองสัญญาณรบกวนและหาจุดเข้าที่แม่นยำกว่า
ข้อแนะนำ: ใช้ RSI ใน Timeframe ใหญ่เพื่อหาแนวโน้มหลัก จากนั้นค่อยใช้ Timeframe เล็กเพื่อหาจุดเข้าที่เหมาะสมตามทิศทางของเทรนด์หลัก
4. ใช้ RSI ร่วมกับ Support และ Resistance
การใช้ RSI เดี่ยวๆ อาจทำให้คุณเข้าเทรดเร็วเกินไป แต่เมื่อใช้ RSI ร่วมกับแนวรับและแนวต้าน จะช่วยเพิ่มความแม่นยำได้มาก
จุดเข้าซื้อ (Buy): เมื่อราคาลงมาที่แนวรับที่แข็งแกร่ง และในขณะเดียวกัน RSI ก็ลงมาอยู่ในโซน Oversold (ต่ำกว่า 30) นี่คือสัญญาณที่ยืนยันว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ราคาจะดีดตัวขึ้น
จุดขาย (Sell): เมื่อราคาขึ้นไปที่แนวต้านที่สำคัญ และ RSI ก็ขึ้นไปอยู่ในโซน Overbought (สูงกว่า 70) นี่คือสัญญาณที่ยืนยันว่าอาจถึงเวลาที่ราคาจะกลับตัวลง
5. ใช้ RSI เพื่อกำหนดจุดเข้าเทรดตามการ Breakout
นอกจากการหาจุดกลับตัวแล้ว RSI ยังสามารถใช้เพื่อยืนยันการ Breakout ได้อีกด้วย
เมื่อราคา Breakout ผ่านแนวต้านสำคัญขึ้นไป ให้ดูว่า RSI Breakout เหนือระดับ 60 ขึ้นไปพร้อมๆ กันหรือไม่ ถ้าใช่ นี่คือสัญญาณที่แข็งแกร่งว่าเทรนด์ขาขึ้นกำลังจะเริ่มต้นขึ้น
ในทางกลับกัน เมื่อราคา Breakout ผ่านแนวรับสำคัญลงไป ให้ดูว่า RSI Breakout ใต้ระดับ 40 ลงมาพร้อมๆ กันหรือไม่ ถ้าใช่ นี่คือสัญญาณที่แข็งแกร่งว่าเทรนด์ขาลงกำลังจะเริ่มต้นขึ้น
สรุป
RSI เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพอย่างยิ่งเมื่อคุณเข้าใจวิธีการใช้งานที่ลึกซึ้งขึ้นกว่าแค่การดู Overbought/Oversold การนำเทคนิคเหล่านี้ไปใช้ร่วมกับกลยุทธ์การเทรดของคุณจะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและลดความเสี่ยงในการเข้าเทรดผิดพลาดได้เป็นอย่างดี
สำหรับนักเทรดที่ต้องการความแม่นยำและความสม่ำเสมอในทุกการเทรด ลองพิจารณาใช้ EA (Expert Advisor) ที่ถูกพัฒนาขึ้นจากหลักการเทรดที่รัดกุมและแม่นยำของเรา เพื่อให้คุณไม่พลาดทุกโอกาสในการทำกำไร
และนี่คือทั้งหมด 5 เทคนิคที่สามารถนำไปใช้กับการเทรดด้วยอินดิเคเตอร์ RSI ได้อย่างมืออาชีพ แต่เทคนิคเหล่านี้จะเป็นประโยชน์สูงสุดเมื่อนำไปใช้งานร่วมกับเครื่องมือที่ช่วยให้การตัดสินใจเทรดแม่นยำยิ่งขึ้น
หากต้องการเห็นพลังของ RSI ที่ทำงานร่วมกับอินดิเคเตอร์ตัวอื่นได้อย่างไร้ที่ติและให้ผลลัพธ์ที่แข็งแกร่งอย่างน่าทึ่ง ขอแนะนำให้อ่านบทความถัดไป ที่จะเปิดเผยหลักการสร้าง Expert Advisor (EA) ตัวใหม่ล่าสุดของเรา ที่ใช้ RSI เป็นหัวใจหลักในการสร้างกำไร และที่สำคัญที่สุดคือ...คุณสามารถดาวน์โหลด EA ตัวนี้ไปใช้ได้ฟรี!
▶️ คลิกที่นี่ เพื่ออ่านบทความใหม่และดาวน์โหลด EA ฟรี!
สนใจ EA ที่ถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเทรดของคุณ?
ความคิดเห็น