วางแผนภาษี: ประหยัดเงินในกระเป๋าอย่างถูกกฎหมาย
- Writer
- 1 ก.ย.
- ยาว 1 นาที

ในบรรดาเรื่อง การเงินส่วนบุคคล อ่านเพิ่มเติม: ทำไมต้องเริ่มต้นวางแผนการเงินวันนี้: สร้างอนาคตที่มั่นคงด้วยการตัดสินใจที่ชาญฉลาด หลายคนอาจมองว่า "ภาษี" เป็นเรื่องที่ซับซ้อนและน่าเบื่อ แต่ความจริงแล้ว การทำความเข้าใจและ "วางแผนภาษี" อย่างถูกต้อง เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่ทรงพลังที่สุดในการบริหารจัดการเงินของคุณ
การวางแผนภาษีอย่างชาญฉลาดไม่ใช่แค่เรื่องของการยื่นภาษีให้ถูกต้อง แต่เป็นการใช้สิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่กฎหมายกำหนดเพื่อลดภาระภาษีที่คุณต้องจ่ายลง ซึ่งจะช่วยให้คุณมีเงินเหลือเก็บ, ออม, และลงทุนได้มากขึ้นในแต่ละปี บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจหลักการพื้นฐานของการวางแผนภาษี และแนะนำวิธีประหยัดเงินในกระเป๋าของคุณอย่างถูกกฎหมาย
ทำไมต้อง "วางแผนภาษี"?
ลดภาระค่าใช้จ่าย: ภาษีเป็นหนึ่งในค่าใช้จ่ายที่สำคัญที่สุด การลดภาระภาษีลงได้หมายถึงการมีเงินเหลือใช้มากขึ้น
เพิ่มเงินออมและเงินลงทุน: เงินที่ประหยัดได้จากภาษีสามารถนำไป วางแผนเกษียณอายุ อ่านเพิ่มเติม: วางแผนเกษียณอายุ: สร้างความมั่งคั่งเพื่อชีวิตอิสระในบั้นปลาย หรือลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ เพื่อสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว
สร้างวินัยทางการเงิน: การวางแผนภาษีจะบังคับให้คุณต้องสำรวจและจัดระเบียบรายรับรายจ่ายของตัวเอง ซึ่งเป็นพื้นฐานของการ วางแผนการเงิน ที่ดี
ใช้สิทธิประโยชน์ให้คุ้มค่า: กฎหมายให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีมากมาย ซึ่งหากคุณไม่ใช้สิทธินั้นก็เท่ากับคุณพลาดโอกาสที่จะประหยัดเงินไป
หลักการพื้นฐานของการวางแผนภาษีสำหรับบุคคลธรรมดา
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของประเทศไทยคำนวณจาก (รายได้ - ค่าใช้จ่าย - ค่าลดหย่อน) x อัตราภาษี
การวางแผนภาษีจึงมุ่งเน้นไปที่การใช้ประโยชน์จาก "ค่าลดหย่อน" ให้เต็มที่ เพื่อทำให้เงินได้สุทธิของคุณลดลง ซึ่งจะทำให้ภาษีที่ต้องจ่ายลดลงตามไปด้วย
"ค่าลดหย่อน" ที่ควรรู้
ค่าลดหย่อนสามารถแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มใหญ่ๆ เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น:
1. กลุ่มค่าลดหย่อนส่วนตัวและครอบครัว
ค่าลดหย่อนส่วนตัว: ทุกคนสามารถนำไปลดหย่อนได้
ค่าลดหย่อนคู่สมรส: หากคู่สมรสไม่มีรายได้
ค่าลดหย่อนบุตร: รวมถึงค่าฝากครรภ์และค่าคลอดบุตร
ค่าอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดา: สำหรับบุตรที่ดูแลบิดามารดาที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปและมีรายได้ไม่เกินที่กำหนด
2. กลุ่มค่าลดหย่อนที่เกี่ยวข้องกับการออมและการลงทุน
กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF): สำหรับการออมระยะยาวเพื่อการเกษียณ
กองทุนรวมเพื่อการออม (SSF): สำหรับการออมระยะยาว
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund): เงินสะสมที่คุณและนายจ้างร่วมกันสมทบ
เบี้ยประกันชีวิตและเบี้ยประกันสุขภาพ: ประกันชีวิตแบบทั่วไป และประกันสุขภาพ
เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ: สำหรับการออมเพื่อใช้ในวัยเกษียณ
เงินสะสมกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.): สำหรับผู้ที่ไม่มีสวัสดิการอื่น
3. กลุ่มค่าลดหย่อนที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์และสินเชื่อ
ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อซื้อที่อยู่อาศัย: ดอกเบี้ยจากการกู้ยืมเงินเพื่อซื้อบ้านหรือคอนโด
4. กลุ่มค่าลดหย่อนอื่นๆ ที่รัฐบาลกำหนดเป็นพิเศษ
เงินบริจาค: การบริจาคเพื่อการศึกษา, โรงพยาบาล, ศาสนสถาน, หรือองค์กรสาธารณกุศล
เงินสมทบประกันสังคม: ส่วนที่คุณจ่ายในแต่ละเดือน
ค่าซื้อสินค้าและบริการ: มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล เช่น ช้อปดีมีคืน

วางแผนภาษีอย่างไรให้ "คุ้มค่าที่สุด"
คำนวณเงินได้สุทธิของคุณ: ก่อนอื่น ให้ลองประมาณการรายได้ตลอดทั้งปีของคุณ
ตรวจสอบสิทธิประโยชน์ที่ใช้ได้: ดูว่าคุณมีสิทธิ์ใช้ค่าลดหย่อนในกลุ่มใดบ้าง เช่น ค่าลดหย่อนส่วนตัว, คู่สมรส, บุตร, หรือเงินสมทบประกันสังคม
พิจารณา "การลงทุน" เพื่อลดหย่อนภาษี: หากยังต้องการลดหย่อนเพิ่มเติม ให้พิจารณาลงทุนในกองทุน RMF หรือ SSF หรือซื้อประกันชีวิต/ประกันบำนาญ ซึ่งไม่เพียงแค่ช่วยลดหย่อนภาษี แต่ยังเป็นการสร้างวินัยในการออมและการลงทุนไปในตัว
จัดเก็บเอกสารอย่างเป็นระบบ: เก็บหลักฐานการลดหย่อนต่างๆ อย่างเป็นระเบียบ เช่น ใบเสร็จรับเงิน, หนังสือรับรองการซื้อกองทุน, หรือใบอนุโมทนาบัตร

บทสรุป: ภาษีไม่ใช่เรื่องน่ากลัว หากคุณเข้าใจ
การ วางแผนภาษี ไม่ใช่เรื่องของการหลีกเลี่ยงภาษี แต่เป็นการใช้สิทธิประโยชน์ตามกฎหมายให้เป็นประโยชน์สูงสุด การเริ่มต้นทำความเข้าใจตั้งแต่ตอนนี้จะช่วยให้คุณบริหารจัดการเงินได้อย่างชาญฉลาดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ทุกๆ บาทที่คุณสามารถประหยัดได้จากภาษีคือเงินอีกก้อนที่คุณสามารถนำไปใช้เพื่อสร้าง ความมั่งคั่ง อ่านเพิ่มเติม: จาก 0 สู่ 100: คู่มือสร้างอิสรภาพทางการเงินฉบับสมบูรณ์ และ อิสรภาพทางการเงิน ในอนาคตครับ

ความคิดเห็น