top of page

คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับมือใหม่: ทุกสิ่งที่ต้องรู้ก่อนเริ่มเทรด Forex

  • Writer
  • 2 วันที่ผ่านมา
  • ยาว 4 นาที
คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับมือใหม่ ทุกสิ่งที่ต้องรู้ก่อนเริ่มเทรด Forex

การเข้าสู่ตลาด Forex (Foreign Exchange Market) คือการเปิดประตูสู่โลกการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดและมีสภาพคล่องสูงที่สุดในโลก การเตรียมความพร้อมด้วยความรู้ที่ถูกต้องจึงเป็นก้าวแรกที่สำคัญที่สุด บทความนี้จะให้ข้อมูลที่ครบถ้วนและละเอียดที่สุดสำหรับผู้เริ่มต้น เพื่อให้คุณสามารถเริ่มต้นได้อย่างมั่นใจและมีวินัย


สารบัญ (Table of Contents)

  1. Forex คืออะไร? โอกาสและความเสี่ยง

  2. หน่วยงานกำกับดูแล (Regulator): เกราะป้องกันที่สำคัญที่สุด

  3. ขั้นตอนการเริ่มต้น: วิธีเลือกโบรกเกอร์ที่ปลอดภัย (พร้อมตัวอย่าง)

  4. สินทรัพย์ที่คุณสามารถเทรดได้ในตลาด Forex

  5. ทำความเข้าใจโครงสร้างพื้นฐานการเทรด (Fees & Costs)

  6. เครื่องมือสำคัญ: โปรแกรมและแพลตฟอร์มสำหรับเทรด

  7. ภาษาของนักเทรด: การคำนวณ Pip, Point, และ Lot Size

  8. ประเภทการวิเคราะห์: พื้นฐาน (Fundamental) vs. เทคนิคอล (Technical)

  9. การจัดการความเสี่ยง (Risk Management) ที่ช่วยรักษาเงินทุนของคุณ

  10. พลังของผลตอบแทนทบต้น (Compounding) ในการเทรด

  11. ก้าวต่อไปของนักเทรด: ระบบเทรดอัตโนมัติ (Expert Advisor - EA)

  12. แหล่งข้อมูลสำคัญสำหรับนักเทรดมือใหม่

  13. จิตวิทยาการเทรด: การจัดการความโลภและความกลัว

  14. ประเภทบัญชีเทรด Forex (Account Types)

  15. ข้อดีและข้อจำกัดของการเทรดด้วยตนเอง (Manual Trading) VS อัตโนมัติ (Automated Trading)




1. Forex คืออะไร? โอกาสและความเสี่ยง


Forex ย่อมาจาก Foreign Exchange Market คือตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ซึ่งเป็นการซื้อขายคู่สกุลเงินเพื่อทำกำไรจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ตลาดนี้มีมูลค่าการซื้อขายหมุนเวียนต่อวันสูงกว่า $7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (อ้างอิง: รายงาน BIS)


โอกาสและความเสี่ยงที่คุณต้องรู้:

  • โอกาส: ตลาดมีสภาพคล่องสูงมาก, เปิดทำการ 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ (จันทร์-ศุกร์), และสามารถใช้เครื่องมือ Leverage เพื่อเพิ่มอำนาจการซื้อขายได้

  • ความเสี่ยง: มีความผันผวนสูง (Volatility) และการใช้ Leverage ที่สูงเกินไปอาจนำไปสู่การสูญเสียเงินทุนได้ทั้งหมดภายในระยะเวลาอันสั้น




2. หน่วยงานกำกับดูแล (Regulator): เกราะป้องกันที่สำคัญที่สุด


ก่อนที่คุณจะฝากเงินกับโบรกเกอร์ใดๆ คุณต้องตรวจสอบสถานะการกำกับดูแลของโบรกเกอร์นั้นก่อน หน่วยงานกำกับดูแล (Regulator) มีหน้าที่สำคัญในการปกป้องเงินทุนของนักลงทุน และทำให้การดำเนินงานของโบรกเกอร์เป็นไปตามมาตรฐานที่เข้มงวด


ตัวอย่าง Regulator ชั้นนำของโลก:

  • สหราชอาณาจักร: Financial Conduct Authority (FCA)

  • ออสเตรเลีย: Australian Securities and Investments Commission (ASIC)

  • ไซปรัส (EU): Cyprus Securities and Exchange Commission (CySEC)




3. ขั้นตอนการเริ่มต้น: วิธีเลือกโบรกเกอร์ที่ปลอดภัย (พร้อมตัวอย่าง)


การเลือกโบรกเกอร์ที่ดีคือการรักษาเงินทุนของคุณไว้ก่อนที่จะเริ่มเทรดจริง การตรวจสอบใบอนุญาตและการกำกับดูแลเป็นสิ่งที่ต้องทำเป็นอันดับแรกเสมอ


ข้อควรพิจารณาในการเลือกโบรกเกอร์:

  1. ใบอนุญาต (Regulation): ต้องได้รับการกำกับดูแลจาก Regulator ที่มีชื่อเสียง

  2. ค่าธรรมเนียม: เปรียบเทียบ Spread, Commission, และ Swap

  3. แพลตฟอร์มการเทรด: ต้องรองรับแพลตฟอร์มที่เสถียร เช่น MT4 หรือ MT5

  4. ความน่าเชื่อถือในการฝาก-ถอน: ตรวจสอบรีวิวจากผู้ใช้งานจริงเกี่ยวกับการทำธุรกรรม

  5. การบริการลูกค้า: สามารถติดต่อได้ง่ายและมีภาษาไทยหรือไม่?



ตัวอย่างโบรกเกอร์ที่มีชื่อเสียงและมีหน่วยงานกำกับดูแล (Regulator):


  1. IC Markets: ได้รับการกำกับดูแลจาก Financial Services Authority (FSA - Seychelles) และมีใบอนุญาตอื่นๆ ในอดีตหรือในหน่วยงานอื่นๆ ที่ให้บริการแก่ลูกค้าในภูมิภาคที่แตกต่างกัน

    https://www.icmarkets.com/


  1. Pepperstone: ได้รับการกำกับดูแลจาก Financial Conduct Authority (FCA - สหราชอาณาจักร), Australian Securities and Investments Commission (ASIC - ออสเตรเลีย), และ Cyprus Securities and Exchange Commission (CySEC - ไซปรัส)

    https://pepperstone.com/


  1. XM: ได้รับการกำกับดูแลจาก CySEC, ASIC, International Financial Services Commission (IFSC - เบลีซ) และหน่วยงานอื่นๆ

    https://www.xm.com/


  1. FXTM (ForexTime): ได้รับการกำกับดูแลจาก FCA, CySEC และ Financial Sector Conduct Authority (FSCA - แอฟริกาใต้)

    https://www.fxtm.com/


  1. Exness: ได้รับการกำกับดูแลจาก CySEC, FCA และ Financial Services Authority (FSA - Seychelles)

    https://www.exness.com/


  1. Fusion Markets: ได้รับการกำกับดูแลหลักจาก ASIC และ Vanuatu Financial Services Commission (VFSC)

    https://fusionmarkets.com/


  1. Tickmill: ได้รับการกำกับดูแลจาก FCA, CySEC และ FSCA

    https://www.tickmill.com/


  1. AvaTrade: ได้รับการกำกับดูแลจากหลายหน่วยงานทั่วโลก รวมถึง Central Bank of Ireland (CBI), ASIC และ Financial Sector Conduct Authority (FSCA)

    https://www.avatrade.com/


  1. CMC Markets: ได้รับการกำกับดูแลจาก FCA และ ASIC

    https://www.cmcmarkets.com/


  1. Tradeview: ได้รับการกำกับดูแลจาก Cayman Islands Monetary Authority (CIMA) และมีสำนักงานในสหรัฐอเมริกาที่ได้รับการกำกับดูแลเช่นกัน

    https://www.tradeviewforex.com/




4. สินทรัพย์ที่คุณสามารถเทรดได้ในตลาด Forex


ตลาด Forex ไม่ได้มีเพียงแค่สกุลเงินเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสินทรัพย์ประเภท CFD (Contract for Difference) อื่นๆ ที่คุณสามารถซื้อขายผ่านโบรกเกอร์ได้:


  • คู่สกุลเงิน (Currency Pairs): คู่หลัก (Major Pairs เช่น EUR/USD), คู่รอง (Minor Pairs) และคู่แปลกใหม่ (Exotic Pairs)

  • สินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities): เช่น ทองคำ (Gold - XAU/USD) และน้ำมันดิบ (Crude Oil)

  • ดัชนีหุ้น (Indices): เช่น ดัชนี S&P 500, Dow Jones, DAX

  • คริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrencies): เช่น BTC/USD, ETH/USD (ขึ้นอยู่กับบริการของโบรกเกอร์)




5. ทำความเข้าใจโครงสร้างพื้นฐานการเทรด (Fees & Costs)


ค่าใช้จ่ายเหล่านี้คือต้นทุนหลักในการทำกำไรและเป็นส่วนสำคัญที่กำหนดความสำเร็จของกลยุทธ์การเทรดของคุณ


5.1 Spread (สเปรด) และค่า Commission (ค่าธรรมเนียม)

  • Spread: คือส่วนต่างระหว่างราคาซื้อ (Ask) และราคาขาย (Bid) ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายหลักที่โบรกเกอร์เรียกเก็บ

  • Commission: ค่าธรรมเนียมต่อ Lot ที่โบรกเกอร์บางประเภท (เช่น ECN/Raw Spread) เรียกเก็บเพิ่มเติม เพื่อแลกกับสเปรดที่ต่ำมาก


5.2 Swap (ค่าธรรมเนียมข้ามคืน)

คือดอกเบี้ยที่คุณต้องจ่าย (หรือได้รับ) เมื่อคุณถือคำสั่งซื้อขายข้ามคืน (Overnight) ค่า Swap จะแตกต่างกันไปตามอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางของสกุลเงินนั้นๆ และทิศทางการซื้อขายของคุณ




6. เครื่องมือสำคัญ: โปรแกรมและแพลตฟอร์มสำหรับเทรด

แพลตฟอร์มการเทรดคือซอฟต์แวร์ที่คุณใช้ในการวิเคราะห์กราฟ, เปิด-ปิดคำสั่งซื้อขาย, และจัดการบัญชีของคุณ


แพลตฟอร์มมาตรฐานของอุตสาหกรรม (The Benchmark):

  • MetaTrader 4 (MT4): ยังคงเป็นที่นิยมสูงสุด ด้วยเหตุผลหลักคือ ความเสถียร, ความเรียบง่าย, และการรองรับ Expert Advisor (EA) และ Indicators แบบกำหนดเองจำนวนมาก มีชุมชนนักพัฒนาที่ใหญ่ที่สุด

  • MetaTrader 5 (MT5): เป็นเวอร์ชันที่ใหม่กว่า มีฟังก์ชันที่หลากหลายขึ้น เช่น มี Timeframe ที่ละเอียดกว่า และรองรับการเทรดสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ ได้ดีกว่า


แพลตฟอร์มทางเลือกที่กำลังได้รับความนิยม:

  • cTrader: เป็นแพลตฟอร์มสมัยใหม่ที่โดดเด่นด้วย อินเทอร์เฟซที่สะอาดตาและใช้งานง่าย มีความโปร่งใสสูง และรองรับการเทรดอัตโนมัติด้วย cBots

  • TradingView: ได้รับความนิยมสูงสุดในฐานะ เครื่องมือวิเคราะห์กราฟ ด้วยความสามารถในการวาดและวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม, Indicators ที่หลากหลาย, และชุมชนนักเทรดขนาดใหญ่




7. ภาษาของนักเทรด: การคำนวณ Pip, Point, และ Lot Size


การเข้าใจการคำนวณกำไร/ขาดทุนเป็นพื้นฐานของการจัดการความเสี่ยงที่แม่นยำ


7.1 Pip และ Point คืออะไร?

  • Pip (Percentage in Point): คือหน่วยวัดการเคลื่อนไหวของราคาที่เล็กที่สุด โดยทั่วไปคือทศนิยมตำแหน่งที่ 4

  • Point (Pipette): คือหน่วยที่ละเอียดกว่า Pip โดย 10 Point เท่ากับ 1 Pip


7.2 การคำนวณ Lot Size (ขนาดสัญญา)

Lot Size คือขนาดของสัญญาที่คุณซื้อขาย:

  • Standard Lot (1.00): เท่ากับ 100,000 หน่วยสกุลเงินฐาน

  • Mini Lot (0.10): เท่ากับ 10,000 หน่วยสกุลเงินฐาน

  • Micro Lot (0.01): เท่ากับ 1,000 หน่วยสกุลเงินฐาน



8. ประเภทการวิเคราะห์: พื้นฐาน (Fundamental) vs. เทคนิคอล (Technical)


นักเทรดส่วนใหญ่ใช้การวิเคราะห์สองประเภทนี้ควบคู่กัน:

  • การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis): ศึกษาจากข่าวสาร, รายงานเศรษฐกิจ, อัตราดอกเบี้ย, และนโยบายของธนาคารกลาง เพื่อคาดการณ์ความแข็ง/อ่อนของสกุลเงิน

  • การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis): ศึกษาจากกราฟราคาในอดีต, รูปแบบแท่งเทียน, Indicators, และแนวโน้ม เพื่อหาจุดเข้าและออกที่เหมาะสม




9. การจัดการความเสี่ยง (Risk Management) ที่ช่วยรักษาเงินทุนของคุณ


นี่คือส่วนที่สำคัญที่สุดของการเทรด Forex นักเทรดมืออาชีพทุกคนเน้นย้ำว่าการจัดการความเสี่ยงนั้นสำคัญกว่ากลยุทธ์การทำกำไร


ความสำคัญของการตั้ง Stop Loss (SL)

Stop Loss (SL) คือคำสั่งตัดขาดทุนอัตโนมัติ การตั้ง SL เป็นวินัยพื้นฐานที่ช่วยจำกัดความเสียหายและป้องกันไม่ให้พอร์ตของคุณล้างพอร์ต กฎทองคือ ไม่ควรเสี่ยงเกิน 1-2% ของเงินทุนทั้งหมดต่อการเทรดหนึ่งครั้ง


การตั้ง Take Profit (TP)

Take Profit (TP) คือคำสั่งทำกำไรอัตโนมัติ การตั้ง TP ควรพิจารณาจากอัตราส่วน Risk:Reward ที่ดี (เช่น 1:2 หมายความว่าถ้าคุณเสี่ยง $10 คุณต้องคาดหวังกำไร $20)




10. พลังของผลตอบแทนทบต้น (Compounding) ในการเทรด

ผลตอบแทนทบต้น (Compounding) คือการนำกำไรที่ได้กลับไปลงทุนต่อเพื่อสร้างกำไรที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการเติบโตของพอร์ตในระยะยาว การเทรดอย่างมีวินัยด้วยผลตอบแทนที่สม่ำเสมอในทุกเดือนจะทำให้เกิดพลังการทบต้นที่มหาศาล




11. ก้าวต่อไปของนักเทรด: ระบบเทรดอัตโนมัติ (Expert Advisor - EA)


เมื่อนักเทรดเริ่มเข้าใจพื้นฐานแล้ว พวกเขาก็จะเริ่มมองหาวิธีที่จะลดความผิดพลาดทางอารมณ์และเพิ่มวินัยในการเทรด นี่คือจุดที่ระบบเทรดอัตโนมัติ หรือ Expert Advisor (EA) เข้ามามีบทบาท

  • EA ทำงานอย่างไร: EA เป็นโปรแกรมที่เขียนขึ้นเพื่อติดตั้งบนแพลตฟอร์ม MT4/MT5 เพื่อทำการซื้อขายตามตรรกะและกลยุทธ์ที่กำหนดไว้ล่วงหน้าโดยอัตโนมัติ 24 ชั่วโมง


Myfxbook และความโปร่งใสของผลลัพธ์

หากคุณสนใจในระบบเทรดอัตโนมัติ คุณต้องมองหา ความโปร่งใส Myfxbook คือแพลตฟอร์มที่เป็นกลางที่ใช้ในการตรวจสอบและแสดงผลลัพธ์การเทรดของบัญชีจริง การดูผลลัพธ์ที่ผ่านการตรวจสอบจาก Myfxbook จะช่วยให้คุณประเมินความน่าเชื่อถือและประสิทธิภาพของ EA นั้นๆ ได้อย่างแท้จริง



12. แหล่งข้อมูลสำคัญสำหรับนักเทรดมือใหม่


เพื่อเสริมความรู้ของคุณให้แน่นยิ่งขึ้น คุณควรติดตามแหล่งข้อมูลที่เป็นกลางและมีความน่าเชื่อถือ:

  • ข้อมูลเศรษฐกิจ (Economic Calendar): เช่น Investing.com หรือ ForexFactory

  • ข่าวสารและการวิเคราะห์: เช่น Bloomberg หรือ Reuters




13. จิตวิทยาการเทรด: การจัดการความโลภและความกลัว


การเทรดที่ดีต้องอาศัยวินัยและการควบคุมอารมณ์ การขาดทุนส่วนใหญ่มักไม่ได้มาจากกลยุทธ์ที่ไม่ดี แต่มาจากความผิดพลาดทางอารมณ์


อารมณ์หลักที่ส่งผลต่อการเทรด:

  • ความกลัว (Fear): นำไปสู่การปิดคำสั่งขาดทุนเร็วเกินไป (Panic Selling) หรือการไม่กล้าเข้าซื้อขายในจังหวะที่ถูกต้อง

  • ความโลภ (Greed): นำไปสู่การเปิด Lot Size ที่ใหญ่เกินตัว (Over-Leveraging) หรือการไม่ยอมปิดทำกำไรตามแผน

  • การแก้แค้น (Revenge Trading): การพยายาม "เอาคืน" ตลาดอย่างรวดเร็วหลังการขาดทุน ซึ่งมักจบลงด้วยการสูญเสียที่หนักกว่าเดิม


การนำวินัยเข้าสู่การเทรด:

  1. มีแผนการเทรดที่เป็นลายลักษณ์อักษร: กำหนดจุดเข้า, จุดออก, Stop Loss (SL) และ Take Profit (TP) ให้ชัดเจน

  2. ปฏิบัติตามกฎ Risk Management อย่างเคร่งครัด: ห้ามเพิ่มความเสี่ยงเกินกว่า 1-2% ของพอร์ตต่อการเทรด

  3. ยอมรับความสูญเสีย: การขาดทุนเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการ




14. ประเภทบัญชีเทรด Forex (Account Types)


โบรกเกอร์ส่วนใหญ่มักจะเสนอประเภทบัญชีที่หลากหลาย การเลือกบัญชีที่ถูกต้องจะส่งผลต่อต้นทุนการเทรด (Fees) และประสบการณ์การใช้งานของคุณโดยตรง


บัญชี 4 ประเภทหลักที่ควรรู้:


1. บัญชี Standard (มาตรฐาน)

  • ลักษณะ: มี Spread ที่กว้างกว่า แต่ไม่มีการเก็บค่า Commission เพิ่มเติม

  • เหมาะสำหรับ: นักเทรดมือใหม่และนักเทรดที่เทรดไม่บ่อย เนื่องจากโครงสร้างต้นทุนมีความเรียบง่าย


2. บัญชี Cent / Micro (บัญชีเซ็นต์/ไมโคร)

  • ลักษณะ: อนุญาตให้เทรดด้วยหน่วยที่เล็กกว่าบัญชีมาตรฐานมาก เงินทุนในบัญชีจะแสดงเป็นหน่วย Cent

  • เหมาะสำหรับ: การทดลองกลยุทธ์ด้วยเงินจริงแต่มีความเสี่ยงต่ำ และนักเทรดมือใหม่ที่ต้องการฝึกฝนการควบคุมอารมณ์


3. บัญชี ECN / Raw Spread (สเปรดต่ำ)

  • ลักษณะ: เสนอ Spread ที่แคบมากหรือเข้าใกล้ศูนย์ แต่จะมีการเก็บค่า Commission ต่อล็อต

  • เหมาะสำหรับ: นักเทรดที่เทรดถี่ เช่น Scalpers และ Day Traders รวมถึงการใช้งาน EA ที่ต้องการต้นทุน Spread ต่ำสุด


4. บัญชี Islamic (Swap-Free)

  • ลักษณะ: เป็นบัญชีที่ไม่มีการคิดค่า Swap (ค่าธรรมเนียมข้ามคืน)

  • เหมาะสำหรับ: นักเทรดที่นับถือศาสนาอิสลาม และนักเทรดที่ต้องการถือ Position เป็นเวลานาน




15. ข้อดีและข้อจำกัดของการเทรดด้วยตนเอง (Manual Trading) VS อัตโนมัติ (Automated Trading)


การเทรดด้วยตนเอง (Manual Trading)

การตัดสินใจเปิด-ปิดคำสั่งซื้อขายด้วยวิจารณญาณของผู้เทรดเอง


ข้อดี (Advantages):

  • ความยืดหยุ่นสูง: ปรับกลยุทธ์เข้ากับสภาวะตลาดที่มีข่าวได้

  • การเรียนรู้เชิงลึก: ได้ทำความเข้าใจตลาดอย่างแท้จริง

  • ควบคุมการเทรดได้ 100%: ทุกการตัดสินใจขึ้นอยู่กับตัวคุณเอง


ข้อจำกัด (Disadvantages):

  • อารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง: เสี่ยงต่อการตัดสินใจผิดพลาดจากความโลภหรือความกลัว

  • ต้องใช้เวลาสูง: ต้องเฝ้าหน้าจอเพื่อหาจังหวะเข้า/ออกตลอด 24 ชั่วโมง

  • ความไม่สม่ำเสมอ: ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับวินัยและอารมณ์ในแต่ละวัน


ระบบเทรดอัตโนมัติ (Automated Trading) หรือ Expert Advisor (EA)

การใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ในการซื้อขายตามกฎที่ตั้งไว้ล่วงหน้าอย่างเคร่งครัด


ข้อดี (Advantages):

  • วินัย 100% (Discipline): EA จะทำตามกฎที่ตั้งไว้โดยไม่มีอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง

  • การทำงานตลอด 24/5: สามารถดำเนินการเทรดได้ทุกนาทีที่ตลาดเปิดทำการ

  • ความสม่ำเสมอ: ให้ผลลัพธ์ที่เป็นไปตามสถิติของกลยุทธ์อย่างคงที่


ข้อจำกัด (Disadvantages):

  • ขาดความยืดหยุ่น: อาจทำงานได้ไม่ดีในสภาวะตลาดที่ไม่คาดฝัน

  • ต้องมีการดูแล (Monitoring): ต้องมีการตรวจสอบการทำงานของ EA และเซิร์ฟเวอร์ (VPS) เป็นระยะ

  • ต้องมีความรู้พื้นฐาน: ต้องเข้าใจวิธีติดตั้งและตั้งค่าความเสี่ยง



ก้าวสู่การเป็นนักเทรดที่ยั่งยืน

บทสรุป: ก้าวสู่การเป็นนักเทรดที่ยั่งยืน (Discipline to Freedom)


บทความนี้ได้ให้ภาพรวมทั้งหมดที่มือใหม่ต้องรู้ก่อนเริ่มต้นเทรด Forex ตั้งแต่การเลือกโบรกเกอร์ที่ปลอดภัยไปจนถึงการจัดการความเสี่ยง

หากคุณสนใจที่จะก้าวข้ามความท้าทายด้านอารมณ์และวินัยในการเทรดเพื่อเข้าถึง "อิสรภาพทางการเงิน" อย่างแท้จริง ระบบเทรดอัตโนมัติ (EA) คือเครื่องมือที่ช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายนั้นได้ เพราะ EA คือ "วินัย" ที่ทำงานแทนคุณ เพื่อให้คุณได้รับ "อิสรภาพ" ทางเวลาในที่สุด

เราขอแนะนำให้คุณศึกษาผลิตภัณฑ์ Expert Advisor (EA) ของเราที่เน้นการทำงานด้วยวินัยที่สม่ำเสมอ และเปรียบเทียบผลลัพธ์ที่พิสูจน์ได้เพื่อประกอบการตัดสินใจในก้าวต่อไปของคุณ


Aurum Synergy EA
$189.00
ซื้อเลย

Aether Algo EA
$159.00
ซื้อเลย

ความคิดเห็น


Contact

Quick Links

Join our mailing list

  • Facebook
  • YouTube
  • TikTok

bottom of page