top of page

วิธีทดสอบ EA Forex บนกราฟย้อนหลัง (Backtest)

  • Writer
  • 24 มิ.ย.
  • ยาว 2 นาที

อัปเดตเมื่อ 26 มิ.ย.

การใช้ Expert Advisor (EA) ในการเทรด Forex กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่นักลงทุนที่ต้องการระบบเทรดอัตโนมัติ อย่างไรก็ตาม การจะมั่นใจว่า EA ที่เราเลือกใช้นั้นมีประสิทธิภาพจริงหรือไม่ จำเป็นต้องผ่านกระบวนการที่เรียกว่า Backtest หรือการทดสอบบนกราฟย้อนหลัง บทความนี้จะอธิบายขั้นตอนและสิ่งที่ควรพิจารณาในการ Backtest EA Forex อย่างมีประสิทธิภาพ

วิธีทดสอบ EA Forex บนกราฟย้อนหลัง (Backtest)
วิธีทดสอบ EA Forex บนกราฟย้อนหลัง (Backtest)

ทำไมต้อง Backtest EA?


การ Backtest คือการจำลองการทำงานของ EA บนข้อมูลราคาย้อนหลัง เพื่อประเมินประสิทธิภาพและพฤติกรรมของ EA ภายใต้สภาวะตลาดที่แตกต่างกัน การทำ Backtest ช่วยให้คุณ:

  • ประเมินผลกำไรและขาดทุนที่อาจเกิดขึ้น: ดูว่า EA ทำกำไรได้สม่ำเสมอหรือไม่ และมีช่วง Drawdown (การขาดทุนสูงสุดจากจุดสูงสุด) มากน้อยแค่ไหน

  • ทำความเข้าใจความเสี่ยง: วิเคราะห์ว่า EA มีความเสี่ยงในการขาดทุนมากน้อยแค่ไหน และสามารถรับมือกับความผันผวนของตลาดได้ดีเพียงใด

  • ปรับแต่งกลยุทธ์: ใช้ข้อมูลจากการ Backtest เพื่อปรับปรุงพารามิเตอร์ของ EA ให้เหมาะสมกับสภาวะตลาด

  • สร้างความมั่นใจก่อนเทรดจริง: ช่วยให้ตัดสินใจได้ว่า EA นั้นเหมาะสมที่จะนำไปใช้กับการเทรดด้วยเงินจริงหรือไม่



ขั้นตอนการ Backtest EA บน MetaTrader 4 (MT4) / MetaTrader 5 (MT5)


แพลตฟอร์ม MT4 และ MT5 เป็นที่นิยมในการเทรด Forex และมีฟังก์ชัน Backtest ในตัวที่ใช้งานง่าย


1. เปิด Strategy Tester

  • บน MT4: ไปที่เมนูด้านบน เลือก View แล้วเลือก Strategy Tester (หรือกด Ctrl+R)

  • บน MT5: ไปที่เมนูด้านบน เลือก View เลือก Strategy Tester แล้วเลือก Single

เปิด Strategy Tester บน MT4
MetaTrader 4 (MT4)
เปิด Strategy Tester บน MT5
MetaTrader 5 (MT5)

2. เลือก Expert Advisor (EA)

  • ในหน้าต่าง Strategy Tester ที่ปรากฏขึ้น ให้เลือก Expert Advisor ที่คุณต้องการทดสอบจากรายการดรอปดาวน์

เลือก Expert Advisor (EA) บน MT4
MetaTrader 4 (MT4)
เลือก Expert Advisor (EA) บน MT5
MetaTrader 5 (MT5)

3. ตั้งค่าคู่สกุลเงินและ Timeframe

  • Symbol: เลือกคู่สกุลเงินที่คุณต้องการทดสอบ EA (เช่น EURUSD, GBPJPY, XAUUSD)

  • Period (Timeframe): เลือก Timeframe ที่ EA ถูกออกแบบมาให้ทำงาน (เช่น M15, H1, D1)

เลือกคู่สกุลเงินที่คุณต้องการทดสอบ EA (MT4)
เลือกคู่สกุลเงินที่คุณต้องการทดสอบ EA (MT4)
เลือกคู่สกุลเงินที่คุณต้องการทดสอบ EA (MT5)
เลือกคู่สกุลเงินที่คุณต้องการทดสอบ EA (MT5)
เลือก Timeframe ที่ EA ถูกออกแบบมาให้ทำงาน (MT4)
เลือก Timeframe ที่ EA ถูกออกแบบมาให้ทำงาน (MT4)
เลือก Timeframe ที่ EA ถูกออกแบบมาให้ทำงาน (MT5)
เลือก Timeframe ที่ EA ถูกออกแบบมาให้ทำงาน (MT5)

4. กำหนดช่วงเวลาการทดสอบ

  • Use date: ติ๊กช่องนี้และระบุ From (เริ่มต้น) และ To (สิ้นสุด) ของช่วงเวลาที่คุณต้องการทดสอบ ยิ่งทดสอบในช่วงเวลายาวนานเท่าไหร่ และครอบคลุมสภาวะตลาดที่หลากหลายเท่าไหร่ ผลลัพธ์ก็จะยิ่งน่าเชื่อถือมากขึ้นเท่านั้น

กำหนดช่วงเวลาการทดสอบ (MT4)
กำหนดช่วงเวลาการทดสอบ (MT4)
กำหนดช่วงเวลาการทดสอบ (MT5)
กำหนดช่วงเวลาการทดสอบ (MT5)

5. ตั้งค่า Model

การตั้งค่า Model เป็นสิ่งสำคัญและมีผลต่อความแม่นยำของการ Backtest:

  • Every tick (ทุกๆ ติ๊ก): เป็นการจำลองที่ละเอียดที่สุดและแม่นยำที่สุด เนื่องจาก EA จะถูกทดสอบกับทุกการเคลื่อนไหวของราคา อย่างไรก็ตาม วิธีนี้จะใช้เวลานานที่สุด

  • Control points (เฉพาะจุดควบคุม): เป็นการจำลองที่เร็วขึ้น แต่ความแม่นยำจะลดลง เหมาะสำหรับการทดสอบเบื้องต้น

  • Open prices only (เฉพาะราคาเปิด): เป็นการจำลองที่เร็วที่สุดและมีความแม่นยำต่ำที่สุด เหมาะสำหรับ EA ที่เปิดคำสั่งซื้อขายเมื่อแท่งเทียนเปิดเท่านั้น

หากมีข้อมูล Tick Data ที่สมบูรณ์ สำหรับ MT4 แนะนำให้ใช้ Every tick / สำหรับ MT5 แนะนำให้ใช้ Every tick based on real ticks เพื่อผลลัพธ์ที่แม่นยำที่สุด

ตั้งค่า Model (MT4)
ตั้งค่า Model (MT4)
ตั้งค่า Model (MT5)
ตั้งค่า Model (MT5)

6. ตั้งค่า Spread (สเปรด)

  • Spread: กำหนดค่าสเปรดที่คุณต้องการจำลองการเทรด หากคุณใช้ค่าสเปรดที่คงที่ (Current) ระบบจะใช้สเปรด ณ ปัจจุบัน หรือคุณสามารถกำหนดค่าสเปรดเองได้ (Custom)

ตั้งค่า Spread (MT4)
ตั้งค่า Spread (MT4)

7. ปรับแต่ง Expert Properties

คลิกที่ปุ่ม Expert properties เพื่อตั้งค่าสำคัญ:

  • Testing: กำหนดเงินทุนเริ่มต้น (Initial deposit), การใช้ Leverage และ Long/Short (เปิดได้ทั้งซื้อ/ขาย)

  • Inputs: นี่คือส่วนที่สำคัญที่สุด คุณสามารถปรับแต่งพารามิเตอร์ (Parameters) ต่างๆ ของ EA ได้ เช่น ขนาด Lot, Take Profit, Stop Loss, หรือตัวแปรอื่นๆ ที่ EA กำหนดมาเพื่อค้นหาการตั้งค่าที่ดีที่สุด

ปรับแต่ง Expert Properties (MT4)
ปรับแต่ง Expert Properties (MT4)
ปรับแต่ง Expert Properties ในส่วน Inputs ของ EA (MT4)
ปรับแต่ง Expert Properties ในส่วน Inputs ของ EA (MT4)
ปรับแต่ง Expert Properties (MT5)
ปรับแต่ง Expert Properties (MT5)
ปรับแต่ง Expert Properties ในส่วน Inputs ของ EA (MT5)
ปรับแต่ง Expert Properties ในส่วน Inputs ของ EA (MT5)

8. เริ่มการทดสอบ

  • เมื่อตั้งค่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ให้คลิกปุ่ม Start, EA จะเริ่มทำการจำลองการซื้อขายบนกราฟย้อนหลัง (ใน MT4 หากต้องการดูการจำลองการซื้อขายแต่ละออเดอร์ให้ติ๊กที่ช่อง Visual mode ใน MT5 ติ๊กที่ช่อง Visual mode with display of chart, indicators and trades)

คลิกปุ่ม Start (MT4) เพื่อเริ่มการทดสอบ
คลิกปุ่ม Start (MT4) เพื่อเริ่มการทดสอบ
คลิกปุ่ม Start (MT5) เพื่อเริ่มการทดสอบ
คลิกปุ่ม Start (MT5) เพื่อเริ่มการทดสอบ

การวิเคราะห์ผลลัพธ์การ Backtest

เมื่อการ Backtest เสร็จสมบูรณ์ ระบบจะแสดงผลลัพธ์ในรูปแบบต่างๆ:



1. Results (สรุปผล)

การวิเคราะห์ผลลัพธ์การ Backtest MT5
การวิเคราะห์ผลลัพธ์การ Backtest MT5

หน้านี้จะแสดงข้อมูลสรุปที่สำคัญ เช่น:

  • Gross Profit: กำไรทั้งหมด

  • Gross Loss: ขาดทุนทั้งหมด

  • Total Net Profit: กำไรสุทธิ (Gross Profit - Gross Loss)

  • Profit Factor: อัตราส่วนกำไรต่อขาดทุน (Gross Profit / Gross Loss) ควรมีค่ามากกว่า 1 ยิ่งสูงยิ่งดี

  • Expected Payoff: กำไรเฉลี่ยต่อการเทรด 1 ครั้ง

  • Drawdown Absolute / Max / Relative: ค่า Drawdown สูงสุด ซึ่งแสดงถึงการขาดทุนสูงสุดที่ EA เคยเจอ

  • Total Trades: จำนวนการเทรดทั้งหมด

  • Short Positions Won / Long Positions Won: เปอร์เซ็นต์การชนะของคำสั่ง Short/Long

  • Largest Profit Trade / Largest Loss Trade: การเทรดที่กำไร/ขาดทุนมากที่สุด

  • Consecutive wins / losses: จำนวนครั้งที่ชนะ/แพ้ติดต่อกัน

>>> ศึกษา วิธีอ่านผล Backtest เพิ่มเติม คลิก <<<



2. Graph (กราฟ)

แสดงกราฟ Balance/Equity Curve ซึ่งเป็นเส้นกราฟที่แสดงการเปลี่ยนแปลงของเงินทุนสะสมตลอดช่วงเวลาการทดสอบ กราฟที่ดีควรมีแนวโน้มพุ่งขึ้นอย่างสม่ำเสมอ โดยมี Drawdown ที่ไม่สูงมาก

แสดงกราฟ Equity Curve จาก Backtest Report
แสดงกราฟ Balance Curve จาก Backtest Report

3. Report (รายงาน)

หน้าจอนี้จะแสดงรายละเอียดการเทรดทั้งหมดที่ EA ทำไว้ รวมถึงข้อมูลของแต่ละคำสั่งซื้อขาย

ข้อควรพิจารณาเพิ่มเติมในการ Backtest

  • คุณภาพของ Tick Data: การ Backtest จะแม่นยำก็ต่อเมื่อมีข้อมูล Tick Data ที่มีคุณภาพสูงและครอบคลุมช่วงเวลาที่ต้องการทดสอบ คุณสามารถดาวน์โหลด Tick Data จากแหล่งต่างๆ หรือใช้บริการจากโบรกเกอร์บางราย

  • Optimization: ใช้ฟังก์ชัน Optimization เพื่อหาค่าพารามิเตอร์ที่ดีที่สุดสำหรับ EA โดยระบบจะทำการทดสอบ EA ซ้ำๆ ด้วยค่าพารามิเตอร์ที่แตกต่างกัน

  • Forward Testing (ทดสอบบนบัญชี Demo): แม้การ Backtest จะสำคัญ แต่ก็ไม่สามารถรับประกันผลลัพธ์ในอนาคตได้ 100% หลังจาก Backtest ควรทำการ Forward Test บนบัญชี Demo เป็นระยะเวลาหนึ่ง เพื่อดูประสิทธิภาพของ EA ในสภาวะตลาดจริง

  • Over-optimization (การปรับแต่งมากเกินไป): ระวังการปรับแต่ง EA มากเกินไปจนกระทั่งมันทำงานได้ดีเยี่ยมกับข้อมูลย้อนหลัง แต่กลับล้มเหลวเมื่อนำไปใช้จริง (Curve Fitting) ควรหาค่าพารามิเตอร์ที่เสถียรและทำงานได้ดีในสภาวะตลาดที่หลากหลาย




ก่อนที่จะนำ EA ไปใช้กับการเทรดด้วยเงินจริง ควรให้ความสำคัญกับการ Backtest การทำความเข้าใจกลยุทธ์การเทรดและรู้ค่าสถิติต่างๆ จากการ Backtest จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในการเทรด Forex ด้วยระบบอัตโนมัติ

Comments


Contact

Quick Links

Join our mailing list

bottom of page