เงินสำรองฉุกเฉิน: เกราะป้องกันทางการเงินที่ทุกคนต้องมี ก่อนคิดถึงการลงทุน
- Writer
- 28 ส.ค.
- ยาว 1 นาที

ในเส้นทางของการสร้างความมั่งคั่งและอิสรภาพทางการเงิน ไม่ว่าจะด้วยการออมตาม สูตรออมเงิน 50/30/20 อ่านเพิ่มเติม: สูตรออมเงิน 50/30/20 ฉบับคนอยากมีเงินเก็บ หรือการเริ่มต้นลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ เช่น หุ้น กองทุนรวม หรือ ETF อ่านเพิ่มเติม: มือใหม่ควรรู้! กองทุนรวม vs. หุ้น: แบบไหนเหมาะกับคุณ? และ: รู้จักกองทุน ETF: ทางเลือกใหม่ของการลงทุน สิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันและมักถูกมองข้ามไปคือ "เงินสำรองฉุกเฉิน"
เงินสำรองฉุกเฉินเปรียบเสมือนเกราะป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดในยามที่ไม่คาดฝัน เพราะชีวิตเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการตกงานกะทันหัน, เจ็บป่วยรุนแรง, ซ่อมรถยนต์ครั้งใหญ่, หรือแม้แต่ภัยพิบัติทางธรรมชาติ หากไม่มีเงินก้อนนี้รองรับ เหตุการณ์เหล่านี้อาจทำให้แผนการเงินที่คุณสร้างมาพังทลายลงในพริบตา และอาจต้องหันไปพึ่งหนี้สินนอกระบบ
บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจถึงความสำคัญของเงินสำรองฉุกเฉิน ควรมีเท่าไหร่ เก็บไว้ที่ไหน และเริ่มต้นสร้างได้อย่างไร เพื่อให้คุณพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน
เงินสำรองฉุกเฉินคืออะไร และทำไมจึงสำคัญ?
เงินสำรองฉุกเฉิน (Emergency Fund) คือเงินก้อนที่คุณจัดสรรไว้โดยเฉพาะเพื่อใช้จ่ายในยามฉุกเฉินที่ไม่คาดฝัน และไม่ควรนำไปใช้กับค่าใช้จ่ายปกติในชีวิตประจำวันหรือเพื่อการลงทุน
ทำไมถึงสำคัญ?
ป้องกันการเป็นหนี้: เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน หากคุณไม่มีเงินสำรอง คุณอาจต้องใช้บัตรเครดิต กดเงินสด หรือกู้ยืมเงิน ซึ่งนำไปสู่การเป็นหนี้ที่มีภาระดอกเบี้ยสูงได้
ช่วยให้การลงทุนไม่สะดุด: หากคุณมีเงินสำรองฉุกเฉินที่เพียงพอ คุณจะไม่จำเป็นต้องถอนเงินลงทุนออกมาใช้ก่อนกำหนดในช่วงที่ตลาดไม่ดี ซึ่งจะช่วยรักษาผลตอบแทนในระยะยาวของคุณไว้ได้ ทำความเข้าใจเรื่องความเสี่ยงในการลงทุนเพิ่มเติม: การลงทุนมีความเสี่ยงจริงหรือ? ทำความเข้าใจเรื่อง Risk vs. Return
ลดความเครียด: การมีเงินสำรองฉุกเฉินช่วยให้คุณรู้สึกอุ่นใจและคลายความกังวลเมื่อเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน
ให้ทางเลือกในชีวิต: หากคุณไม่ชอบงานที่ทำอยู่ การมีเงินสำรองฉุกเฉินจะช่วยให้คุณมีเวลาในการหางานใหม่โดยไม่ต้องรีบร้อน หรือสามารถตัดสินใจออกจากงานเพื่อไปทำตามความฝันได้ง่ายขึ้น

ควรมีเงินสำรองฉุกเฉินเท่าไหร่ดี?
จำนวนเงินสำรองฉุกเฉินที่เหมาะสมมักจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์และลักษณะการใช้ชีวิตของแต่ละบุคคล แต่หลักการทั่วไปที่แนะนำคือ 3-6 เท่าของค่าใช้จ่ายรายเดือนที่จำเป็น
การคำนวณ:
คำนวณค่าใช้จ่ายจำเป็นต่อเดือนของคุณ: จดบันทึกค่าใช้จ่ายคงที่ที่คุณต้องจ่ายในทุกๆ เดือน เช่น ค่าเช่า/ผ่อนบ้าน, ค่าน้ำ, ค่าไฟ, ค่าโทรศัพท์, ค่าเดินทาง, ค่าอาหารประจำวัน, ค่าประกัน, และค่าผ่อนชำระหนี้ที่จำเป็น
คูณด้วยจำนวนเดือนที่เหมาะสม:
3 เดือน: เหมาะสำหรับผู้ที่มีรายได้มั่นคงสูง, มีสวัสดิการดีเยี่ยม, หรือมีแหล่งรายได้หลายทาง
6 เดือน: เหมาะสำหรับผู้ที่มีรายได้ไม่แน่นอน (เช่น ฟรีแลนซ์, อาชีพอิสระ), ผู้ที่มีครอบครัวต้องดูแล, หรือผู้ที่มีภาระหนี้สินค่อนข้างสูง
9-12 เดือน: อาจเหมาะสำหรับผู้ที่ทำงานในอุตสาหกรรมที่มีความผันผวนสูง หรือผู้ที่ต้องการความอุ่นใจเป็นพิเศษ
ตัวอย่าง: หากค่าใช้จ่ายจำเป็นของคุณอยู่ที่ 20,000 บาทต่อเดือน คุณควรมีเงินสำรองฉุกเฉินอย่างน้อย 60,000 - 120,000 บาท

เก็บเงินสำรองฉุกเฉินไว้ที่ไหนดี?
เงินสำรองฉุกเฉินมีวัตถุประสงค์เพื่อความปลอดภัยและสภาพคล่องเป็นหลัก ไม่ใช่เพื่อการสร้างผลตอบแทนสูงสุด ดังนั้นควรเก็บไว้ในที่ที่สามารถถอนออกมาใช้ได้ง่ายและมีความเสี่ยงต่ำ
บัญชีออมทรัพย์ที่ให้ดอกเบี้ยสูง: ปัจจุบันมีธนาคารหลายแห่งที่เสนออัตราดอกเบี้ยสำหรับบัญชีออมทรัพย์ดิจิทัลที่สูงกว่าบัญชีออมทรัพย์ปกติ ซึ่งเป็นทางเลือกที่ดีเพราะถอนง่ายและยังพอได้ดอกเบี้ยบ้าง
กองทุนตลาดเงิน (Money Market Fund): เป็นกองทุนรวมประเภทหนึ่งที่ลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำมากและมีสภาพคล่องสูง เช่น ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรระยะสั้น ให้ผลตอบแทนสูงกว่าบัญชีออมทรัพย์เล็กน้อยแต่ก็ยังถอนเงินได้เร็ว
บัญชีฝากประจำแบบปลอดภาษี (แต่ต้องดูเงื่อนไขการถอน): หากคุณมั่นใจว่าจะไม่ใช้เงินก้อนนี้ภายในระยะเวลาหนึ่ง อาจพิจารณาฝากประจำแบบปลอดภาษี แต่ต้องแน่ใจว่าสามารถถอนก่อนกำหนดได้โดยไม่มีบทลงโทษที่รุนแรง
สิ่งที่ไม่ควรทำ:
ไม่ควรนำไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง: เช่น หุ้นรายตัว หรือคริปโตเคอร์เรนซี เพราะเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน คุณอาจจำเป็นต้องถอนเงินออกมาในช่วงที่ราคาตก ทำให้ขาดทุนได้
ไม่ควรเก็บเป็นเงินสดทั้งหมด: เพราะอาจเสี่ยงต่อการถูกโจรกรรมและสูญเสียมูลค่าจากเงินเฟ้อ อ่านเพิ่มเติม: เงินเฟ้อคืออะไร? และกระทบเงินในกระเป๋าคุณอย่างไร

เริ่มต้นสร้างเงินสำรองฉุกเฉินได้อย่างไร?
จัดลำดับความสำคัญ: ให้เงินสำรองฉุกเฉินเป็นเป้าหมายทางการเงินอันดับแรกของคุณ ก่อนที่จะเริ่มลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ
ตั้งเป้าหมายและกำหนดเวลา: กำหนดจำนวนเงินที่คุณต้องการเก็บและตั้งเป้าว่าจะเก็บให้ครบภายในกี่เดือน
กันเงินอัตโนมัติ: เมื่อเงินเดือนเข้า ให้โอนเงินส่วนหนึ่งไปยังบัญชีเงินสำรองฉุกเฉินของคุณทันที เพื่อสร้างวินัยและทำให้การเก็บเงินเป็นไปอย่างสม่ำเสมอ [คุณอาจลองใช้หลักการแบ่งเงินแบบ สูตรออมเงิน 50/30/20 เพื่อช่วยจัดสรรเงินได้ง่ายขึ้น]
ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น: ลองทบทวนค่าใช้จ่ายส่วนตัวของคุณ และหาส่วนที่สามารถลดได้ เพื่อนำเงินส่วนนั้นมาสมทบเงินสำรองฉุกเฉิน
บทสรุป: สร้างรากฐานที่แข็งแกร่งก่อนต่อยอดความมั่งคั่ง
เงินสำรองฉุกเฉินคือรากฐานที่มั่นคงของการวางแผนการเงินส่วนบุคคล มันไม่ใช่แค่ตัวเลขในบัญชี แต่คือความอุ่นใจและอิสระในการใช้ชีวิตที่แท้จริง
การมีเงินสำรองฉุกเฉินที่เพียงพอจะช่วยให้คุณสามารถเผชิญกับพายุชีวิตได้อย่างมั่นคง โดยไม่ต้องแตะต้องเงินลงทุนของคุณและสามารถดำเนินชีวิตตามแผนที่วางไว้ได้อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น ก่อนที่คุณจะก้าวไปสู่การสร้างความมั่งคั่งที่ใหญ่ขึ้น อย่าลืมสร้างเกราะป้องกันทางการเงินที่สำคัญที่สุดนี้ให้แข็งแกร่งเสียก่อนนะครับ
ความคิดเห็น